สถานที่ต่อมาที่ผมได้มีโอกาสมาสัมผัส คือ เมืองเบปปุ เป็นเมืองหนึ่งในจังหวัดโออิตะ ซึ่งได้ถูกขนานนามว่าเป็นเมืองแห่งน้ำพุร้อน ด้วยทัศนียภาพที่แปลกตา ควันไอน้ำที่พวยพุ่งออกมาแทบทุกจุดของเมือง เป็นภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจยิ่งนัก ทำให้เรารู้ได้ทันทีว่าได้มาถึงเมืองเบปปุแห่งนี้แล้ว สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของเมืองนี้ คือ บ่อน้ำพุร้อนจิโคกุเมกุริ เป็นบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติที่เกิดขึ้นจากการระเบิดของภูเขาไฟ ประกอบด้วยแร่ธาตุที่เข้มข้น เช่น กำมะถัน แร่เหล็ก โซเดียม คาร์บอเนต เรเดียม เป็นต้น และมีความร้อนเกินที่จะลงอาบได้ ในเมืองเบปปุมีทั้งหมด 8 บ่อที่มีลักษณะแตกต่างกันออกไป และตั้งชื่อให้ดูน่ากลัวตามลักษณะภายนอกที่เห็น ซึ่งก็ได้ผล กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวทำเงินของเมืองเบปปุ โดยปกติแล้วแหล่งน้ำพุร้อนที่ถือว่าเป็นบ่อน้ำแร่ธรรมชาติได้นั้น จะต้องมีอุณหภูมิของน้ำไม่ต่ำกว่า 25 องศาเซลเซียส และมีแร่ธาตุอย่างน้อย 1 ใน 19 ชนิด ซึ่งแหล่งน้ำพุร้อนออนเซ็นในเบปปุเกินมาตรฐานนี้เยอะ บ่อน้ำพุร้อนทั้ง 8 บ่อนี้จะไม่สามารถลงไปแช่ได้ทุกบ่อ เพราะมีแร่ธาตุต่างๆเข้มข้นและที่สำคัญ คือ ร้อนมากเกินไป ถ้าลงไปแช่อาจจะสุกได้ หากพูดถึงบ่อน้ำพุร้อนในโลกนี้มีบ่อน้ำพุร้อนทั้งหมด 11 ชนิด เฉพาะที่เบปปุนี้ก็มีถึง 10 ชนิดเข้าไปแล้ว สมกับเป็นเมืองแห่งบ่อน้ำพุร้อนจริงๆ สำหรับทริปนี้ผมได้มีโอกาสไปเยือน 2 บ่อน้ำพุที่มีชื่อเสียงแห่งเบปปุ ได้แก่ ยูมิ จิโกกุ และชิโนอิเกะ จิโกกุ

จุดเด่นของที่นี้คือบ่อน้ำพุสีฟ้าใสราวกับสีแห่งท้องทะเล สีสันสดใส แต่แฝงไว้ด้วยอุณหภูมิที่ร้อนจนทำให้ไข่สุกได้ในเวลาไม่กี่นาที ด้านข้างจะมีศาลเจ้าเล็กๆและเสาไม้โทริอิสีแดงสด ตัดกับสีฟ้าของบ่อน้ำพุร้อนทำให้บ่อน้ำพุร้อนแห่งนี้ดูสวยงามและคงความขลังมากทีเดียว

ณ บริเวณประตูทางเข้า จะมีรูปของยมทูตมารอต้อนรับ ทำให้เกิดความอยากรู้อยากเห็นว่า “บ่อเลือด” แห่งนี้น่าหวาดหวั่นสะพรึงกลัวแค่ไหน จากประตูทางเข้า เดินผ่านร้านขายของที่ระลึก จนทะลุหลังร้านเราก็ได้พบกับบ่อเลือดซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าบ่อทะเลถึง 2 เท่า แต่เป็นสีแดงราวกับมีคนนำเลือดสดๆมาเทรวมกันไว้ที่บ่อแห่งนี้ ด้วยความร้อนของบ่อ จนเห็นเป็นไอร้อนจำนวนมากบนผิวน้ำ และแน่นอนไม่มีนักท่องเที่ยวคนไหน กล้าพอที่จะเอามือจุ่มลงไปในบ่อแห่งนี้