มาพบกันอีกแล้วกับคอลัมน์พิเศษ “แนะนำร้านเด็ด อาหารดัง จังหวัดฟุกุโอกะ” คราวนี้เราจะมาแนะนำเมนูพิเศษจากร้าน "ฮะคะตะ" ร้านอาหารท้องถิ่นจากภาคใต้ของญี่ปุ่น "ฮะคะตะ" ซึ่งแต่เดิมนั้นฮะคะตะนั้นเป็นเมืองที่เคยแยกจากจังหวัดฟุกุโอกะแต่ปัจจุบันนั้นฮะคะตะได้รวมเป็นเขตหนึ่งในจังหวัดฟุกุโอกะตั้งแต่สมัยเมจิแต่ถึงจะเคยแยกตัวออกมาแล้วมารวมกัน วัฒนธรรมการกินโดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารที่มีจุดเด่นพิเศษหลายๆอย่างของฮะกะตะก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดฟุกุโอกะไปแล้ว และครั้งนี้เรามาดูกันซิว่า อาหารจานเด็ดจากฮะกะตะนั้นมีอะไรพิเศษบ้างและที่สำคัญไม่ต้องไปถึงญี่ปุ่นก็สามารถไปลองชิมกันได้ง่ายๆในกรุงเทพฯใกล้ๆนี้เอง! ไปดูกันเลย!

ร้านอาหารพื้นบ้านแบบญี่ปุ่น "ฮะคะตะ" นั้นเริ่มต้นจากการมาประจำเป็นพ่อครัวซูชิหรือในภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า "อิตะ มาเอะ" ของเจ้าและผู้บริหารร้าน คุณ เอะนามิ สุมิโอะ พ่อครัวระดับยอดครูจากเกาะคิวชูจากประสบการณ์ที่เป็นเชฟซูชิที่ญี่ปุ่นมา 10 ปีก็ได้ตัดสินใจย้ายมาประจำเป็นเชฟอยู่ที่เมืองไทยด้วยสัญญาพ่อครัวแค่ 3 เดือนตั้งแต่บริเวณพื้นที่ถนนแถวสนามบินดอนเมืองยังเป็นดินลูกรังบางส่วนกับลูกชาย 2 คนนั่งแท็กซี่มาเริ่มต้นชีวิตพ่อครัวซูชิที่เมืองไทยโดยที่ไม่รู้จักอะไรเกี่ยวกับประเทศไทยเลย แม้กระทั่งภาษาและวัฒนธรรม ซึ่งตอนนั้นคุณ เอะนามิ ได้บอกกับพวกเราทีมงานอาเซี่ยนบีทว่าลำบากจริงๆกับการคมนาคมและภาษารวมถึงวัฒนธรรมในสมัยนั้น ไม่ว่าจะเป็นการสรรหาวัตถุดิบเพื่อที่จะมาทำซูชิก็ตาม จนมาถึงวันนี้ก็ผ่านมาร่วม 49 ปีแล้วที่คุณ เอะนามิ ได้มาอาศัยอยู่ที่เมืองไทยและหลังจากที่หมดสัญญา 3 เดือนในตำแหน่งพ่อครัวซูชิก็ได้มาประจำต่อที่เมืองไทยอีก 1 ปีและเริ่มสร้างร้านของตัวเองขึ้นมา นอกจากนั้นการที่ตั้งชื่อร้านว่า ฮะคะตะ นั้นก็เพื่อสร้างความแต่งต่างกับร้านอาหารญี่ปุ่นร้านอื่นๆ เนื่องจากร้านฮะคะตะนั้นมีจุดเด่นอยู่ที่การนำเสนออาหารพื้นบ้านแบบสไตล์ทางตอนใต้ของญี่ปุ่น และยังมีคอนเซปของร้านในการสร้างบรรยากาศของร้านให้เหมือนกับมารับประทานข้าวที่บ้านคนญี่ปุ่นจริงๆเพราะมีเมนูที่หลากหลายให้เลือกรับประทานมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเคียง กับแกล้มชั้นดีที่สรรหามาจากญี่ปุ่นและวัตถุดิบแบบไทยๆที่นำมาดัดแปลงให้เข้ากับเมนูอาหารของร้าน ซึ่งลูกค้าที่หมุนเวียนเข้ามาในร้านนั้นส่วนใหญ่จะเป็นคนไทยในช่วงแรกๆจนทำให้เจ้าของร้านอย่างคุณ เอะนามิ เองก็ตกใจเหมือนกันว่ามีลูกค้าคนไทยเข้ามาเยี่ยมเยียนที่ร้านมากกว่าลูกค้าคนญี่ปุ่นเสียอีก ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะความหลากหลายของเมนูในแบบของร้าน ฮะคะตะ นี้เองที่ทำให้ไม่ว่าคุณอยากกินอะไร ร้านนี้ก็มีให้คุณครบทุกเมนูจริงๆ ตั้งแต่กับแกล้มไปถึงข้าว และ เมนูประเภทเส้นอย่าง อุด้ง และ โซบะ อีกด้วย

"เม็นไตโกะ" ไข่ปลาค็อตหมักผริกของขึ้นชื่อของจังหวัดฟุกุโอกะที่ให้รสชาติที่เผ็ดมันเหมาะที่จะเป็นกับแกล้มและประยุกเข้ากับอาหารหลายๆชนิด ในครั้งนี้ร้าน ฮะคะตะ ได้นำเสนอเมนูเรียกน้ำย่อย เม็นไตมาโย มักกะโรนี ที่เกิดจากการผสมผสานอย่างลงตัวของความเผ็ดและความมันที่ลงตัวของเม็นไตโกะและมายองเนสในสไตล์ของญี่ปุ่นแกล้มกับสาหร่ายออนท็อปทำให้เพลิดเพลินไม่ว่าจะกินเล่นเป็นสลัดเบาเบาก็ดีหรือแกล้มเหล้าก็ดีเพื่อเรียกน้ำย่อยรออาหารเด็ดจานต่อไป

ถ้าพูดถึงฟุกุโอกะหรือฮะคะตะแล้วเมนูที่ทุกคนต้องถามหาคือเมนูต้มซุปไก่แบบนี้แหละ หรือที่เรียกว่า​"โทริ โนะ มิสุทากิ" ซึ่งเป็นเมนูที่ขาดเสียไม่ได้เลยเรียกว่าเป็นตัวแทนของจังหวัดเลยก็ว่าได้ วิธีรับประทานที่ถูกต้องคือรับประทานกับคู่กับน้ำซุปและปรุงรสด้วย "ยูสุโคะโชว" พริกไทยสดผสมผิวของผลยูสุ(ผลไม้ในญี่ปุ่นในตระกูลส้มและมะนาว) จะให้ความเผ็ดนิดๆและกลิ่นหอมของผลยูสึ บวกกับเหยาะ พอนสุ หรือซอสเปรี้ยวของญี่ปุ่นลงไปอีกนิดเพิ่มความกลมกล่อมให้กับน้ำซุปยิ่งขึ้นเรียกว่าไม่ต้องไปถึงฟุกุโอกะก็สามารถรับประทานเมนูของฟุกุโอกะได้ง่ายๆในกรุงเทพฯนี้เอง

เมนูกับแกล้มยอดฮิต "ไส้หมูอ่อน" ที่มาพร้อมกับรสชาติที่เผ็ดจัดจ้านเมนูนี้ออกแบบมาเอาใจคนไทยเลยก็ว่าได้กับไส้อ่อนกรุปกรุปผสมกับรสชาติพริกที่เผ็ดกำลังดียิ่งกินยิ่งติดใจ หันมาอีกทีอาจจะขอเหล้าเพิ่มพร้อมกับแกล้มเลยก็ว่าได้

นอกจาก "เม็นไตโกะ" แล้วอีกหนึ่งวัตถุดิบที่เป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดฟุกุโอกะคือผักดอง "ทะกะนะ" จึงทำให้เชฟคิมูระ เชฟหนุ่มไฟแรงของร้านฮะคะตะ ปิ้งไอเดียขึ้นมาว่าอยากจะเอาวัตถุดิบตัวนี้แหละมาปรับให้เข้ากับวัตถุดิบตัวแม่อีกตัวคือ "เม็นไตโกะ" ในเมนูที่คนไทยก็รับประทานได้ง่ายๆเช่น "เมนูข้าว" จึงออกมาเป็นเมนูสุดชิคอย่าง "ข้าวผัดทะกะนะคลุกเม็นไตโกะ"เมื่อเพลิดเพลินกับกับแกล้มและเมนูหลักแล้วโดยส่วนใหญ่คนญี่ปุ่นจะปิดท้ายอาหารมื้อนั้นๆด้วยข้าวเพื่อให้อิ่มพอดีในมื้อนั้นๆ สำหรับคนไทยเองแล้วเราก็สั่งมารับประทานเป็นมื้อหลักได้เลยกับเมนูเก๋ๆที่หารับประทานได้ยากในเมืองไทยแบบนี้