Tweet

หนังสือ KYUSHU IN LOVE เป็นหนังสือที่ถูกกลั่นกรองขึ้นมาผ่านประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ประทับใจโดยคุณผึ้ง หรือคุณสู่ขวัญ อรรถจารุสิทธิ์ ที่ต้องมนต์เสน่ห์ของคิวชูและอยากแบ่งปันประสบการณ์ให้คนอื่นได้สัมผัส วันนี้เราจะพาเพื่อนๆไปพูดคุยกับคุณผึ้งเจ้าของหนังสือ KYUSHU IN LOVE แล้วเพื่อนๆจะตกหลุมรักคิวชูเหมือนกับพวกเรา

คุณผึ้งหรือคุณสู่ขวัญ อรรถจารุสิทธิ์ ตำแหน่งผู้จัดการสำนักพิมพ์เป็ดเต่าควาย โดยนิสัยส่วนตัวแล้วชอบท่องเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ และได้ให้สัญญากับตัวเองว่าต้องออกเดินทางท่องเที่ยวเเบบยาวๆ อย่างน้อยปีละ1-2 ครั้ง ซึ่งประเทศญี่ปุ่นก็เป็นประเทศแรกๆที่คุณสู่ขวัญประทับใจและอยากจะไปเยือน และด้วยความที่เดินทางไปท่องเที่ยวบ่อย จึงมีเพื่อนๆเข้ามาถามเป็นประจำว่า ไปเที่ยวที่ไหนมาบ้าง มีอะไรน่าสนใจ จึงเกิดเเรงบันดาลใจที่จะเเบ่งบันความประทับใจให้ผู้อื่นได้สัมผัส และเป็นจุดเริ่มต้นของหนังสือ KYUSHU IN LOVE เล่มนี้ นอกจากนี้คุณสู่ขวัญก็ชื่นชอบน้องเเมวเหมียวเป็นชีวิตจิตใจจึงไม่แปลกเลยที่หนังสือของเธอจะมีรูปน้องแมวน่ารักๆอยู่ในเล่ม

ด้วยความที่ชื่นชอบประเทศญี่ปุ่นเป็นทุนอยู่แล้ว จึงทำการศึกษาข้อมูลสถานที่ต่างๆในประเทศญี่ปุ่น จนมาสะดุดที่เกาะคิวชู เกาะที่อยู่ทางใต้ของประเทศญี่ปุ่น และที่เมืองฟุกุโอกะในเกาะคิวชูก็เป็นเมืองที่ถูกโหวตว่าเป็นเมืองที่น่าอยู่ที่สุด จึงปักหมุดว่า “ฉันจะไปคิวชู” ซึ่งการเตรียมตัวก็หาข้อมูลจากเว็บไซต์ต่างๆ ทั้งการเดินทาง สถานที่ท่องเที่ยว ที่พักและร้านอาหาร ซึ่งในหนังสือ KYUSHU IN LOVE จะบอกรายละเอียดไว้ทั้งหมด หลังจากรีเสิร์ชแล้วก็ทำให้เห็นภาพคร่าวๆแล้วว่าคิวชูเป็นอย่างไร ขาดก็แต่บรรยากาศจริงและลุ้นว่า จะเป็นเหมือนที่คิดไว้รึเปล่า น่าตื่นเต้นมาก พอได้ข้อมูลทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็เตรียมตัวเลทโกทูคิวชูกันได้เลย

เมืองต่อมาที่ได้เดินทางไปคือเมืองดาไซฟุ อยู่ห่างจากจังหวัดฟุกุโอกะ 30 นาที สถานที่ที่เป็นไฮไลต์ของเมืองนี้ได้แก่ศาลเจ้าเทนมังงู สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่คนมาขอเรื่องการเรียนจึงไม่น่าแปลกที่สถานที่เเห่งนี้จะเต็มไปด้วยเด็กมัธยมที่มาขอพรเพื่อให้ได้คะแนนดีๆ สถานที่ต่อมาคือ Kyushu National Museum พิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ตื่นตาตื่นใจไปกับความสวยงามตั้งแต่บรรยากาศรอบๆ ตัวอาคารขนาดใหญ่เป็นกระจกสะท้อนกับภูมิทัศน์ที่เป็นภูเขาโดยรอบ เสมือนอยู่ท่ามกลางป่าขนาดใหญ่ มีความสวยงามร่มรื่น ในพิพิธภัณฑ์มีทั้งหมด 3 ชั้น มีเฉพาะชั้น 1 เท่านั้นที่อนุญาตให้ถ่ายรูปได้ ในห้องนิทรรศการได้จัดแสดงโบราณวัตถุที่หาชมได้ยากเอาไว้มากมาย และยังมีนิทรรศการชั่วคราวต่างหมุนเวียนมาจัดตลอดทั้งปีอีกด้วย



เมืองยูฟุอิน เป็นเมืองที่เรียกได้ว่าเป็นเมืองอาร์ต ระหว่าง 2 ข้างทางเรียงรายไปด้วยร้านค้าน่ารักๆเต็มไปหมด ถ้าเปรียบกับบ้านเราก็เหมือนกับเชียงใหม่หรือปาย นอกจากร้านที่น่ารักๆแล้ว ยังมีทะเลสาบที่ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาอีกด้วย คุณสู่ขวัญบอกกับเราว่า “ถ้าฉันเป็นคนญี่ปุ่น ฉันคงเลือกมาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่เเน่ๆเลยล่ะค่ะ” และถ้ามาที่นี่สิ่งที่ไม่ควรพลาดคือรถม้าที่พาเราไปชมบรรยากาศสวยๆรอบเมือง จากนั้นก็เดินทางไปที่เมืองเบปปุ เมืองที่มีน้ำพุร้อนเป็นไฮไลต์ของเมือง ที่มีถึง 8 บ่อด้วยกัน โดยแต่ละบ่อก็จะมีสีที่แตกต่างกันออกไป สวยงามและน่าตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก

เมืองต่อมาคือเมืองคุมะโมโต้ มีประสาทคุมะโมโต้เป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งที่มีความสวยงาม นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปชมความงามของปราสาทได้ เมื่อขึ้นไปแล้วต้องบอกว่ามันคุ้มค่ากับการบากบั่นปีนบันไดขึ้นไปจริงๆ ด้วยความอลังการของประสาทและวิวที่สวยงามทำให้เห็นทัศนะวิสัยของเมืองนี้ได้อย่างเต็มที่ และสิ่งที่เป็นไฮไลต์ของเมืองนี้อีกอย่างได้เเก่ เจ้าหมีคุมะมง ซึ่งถือเป็นมาสคอตของเมืองคุมะโมโต้ เกิดขึ้นจากแคมเปญ Kumamoto Surprise ในปี 2010 จากการโปรโมทร่วมกับสื่อต่างๆ เจ้าคุมะมงจึงกลายเป็นซุปตาร์ประจำของเมืองนี้ ซึ่งนำไปผลิตเป็นสินค้าต่างๆแทบทุกชนิด



1 ชั่วโมงจากสถานีคุมะโมโต้ ก็ได้เดินทางมาถึงเมืองอะโซะ การเดินทางไปภูเขาไฟอะโสะต้องวางแผนให้รอบคอบมากๆ เรียกได้ว่าเป็นมิชชั่นที่ลุ้นกันตลอดตั้งแต่ต้นจนจบ วิวระหว่างทางขึ้นเขานั้นสวยมาก เป็นภูมิประเทศที่สวยงามเป็นลานกว้างและมีภูเขาขนาดใหญ่ ระหว่างทางมีทุ่งหญ้าสีเขียวสลับกับดอกหญ้าแพรกสีขาว ต้องใช้รสบัสเป็นพาหนะเพื่อเดินทางมาที่กระเช้าไฟฟ้า ระหว่างทางขึ้นจะสังเกตเห็นหลุมหลบภัยเป็นจุดๆ พอเดินมาถึงปากปล่อง เรียกได้ว่าตื่นเต้นมากๆ เราเป็นคนไทยเราไม่ชินกับภูเขาไฟ และอีกอย่างภูเขาไปอะโสะแห่งนี้เป็นภูเขาไฟที่ยังมีชีวิตอยู่ พอได้มองเข้าไปก็เห็นเป็นภาพน้ำสีฟ้าอมเขียวที่กำลังเดือดปุดๆด้วยตาเปล่า ภาพควันหรือก๊าซสีขาวลอยขึ้นมาจากผิวน้ำอย่างไม่ขาดสาย บอกได้เลยว่าตื่นเต้นและประทับใจมากๆ



เมืองต่อมาคือ นางาซากิ ขอแนะนำอาหารสุดฮิตประจำเมืองนี้ นั่นคือ นางาซากิจัมปง เป็นอาหารที่มาจากการผสมผสานอาหารจีนและอาหารญี่ปุ่นเข้าด้วยกัน อร่อยควรค่าแก่การลิ้มลองอย่างยิ่ง สถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นไฮไลต์ของเมืองนี้คือ Huis Ten Bosch เมืองสวนสนุกหรือหมู่บ้านฮอลเเลนด์ขนาดใหญ่ เป็นสวนสนุกที่คล้ายๆกับดิสนี่ย์แลนด์ ในแบบวินเทจ พอเข้ามาอยู่ที่นี่เหมือนหลุดมาอยู่อีกเมืองหนึ่ง เป็นเมืองที่สวยงามทั้งภูมิทัศน์และสิ่งก่อสร้าง ทั้งทะเลสาบสีฟ้าปนเขียวให้ความรู้สึกสบายตา พระราชวังที่มีความสวยงาม จำลองมาจากพระราชวัง Huis Ten Bosch ของจริง และภายในอาคารก็มีงานแสดงผลงานศิลปะ แสงสีเสียงในสวนน้ำพุด้านหลังของพระราชวัง นอกจากนี้ยังมีล่องเรือชมบรรยากาศโดยรอบของ Huis Ten Bosch แห่งนี้อีกด้วย

สถานที่ที่กล่าวไปข้างต้นนี้เป็นสถานที่ที่คุณสู่ขวัญได้มีโอกาสไปสัมผัสตลอดระยะเวลา 14 วัน แต่ละสถานที่นั้นมีจุดเด่นและความน่าสนใจอยู่ในตัวควรค่าเเก่การไปสัมผัส และยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆอีกมากมายที่เรียกได้ว่าสวยงามและน่าตื่นตาตื่นใจ เเต่เนื่องจากระยะเวลาที่มีจำกัดทำให้ไม่สามารถเยี่ยมเยือนของเกาะคิวชูได้ทั้งหมด นอกจากนี้สิ่งอำนวยความสะดวกให้เเก่นักท่องเที่ยว อย่างโรงเเรมที่มีจำนวนมากไว้เป็นทางเลือกให้แก่นักท่องเที่ยว การเดินทางคมนาคมด้วยรถไฟสายต่างๆที่ออกแบบมาให้มีความสวยงาม มีกระจกขนาดใหญ่ให้ได้มองทิวทัศน์ 2 ข้างทางขณะที่รถไฟกำลังเเล่น เป็นการซึมซับบรรยากาศที่น่าประทับใจจริงๆ นอกจากความสวยงามของสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆแล้ว ยังได้สัมผัสกับบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติ ผู้คนที่ผ่านไปมาทำให้เราได้เห็นวัฒนธรรมการใช้ชีวิต ซึ่งอาจแตกต่างจากเมืองใหญ่ๆไปบ้างตรงที่ใช้ชีวิตไม่เร่งรีบนัก ทำให้เห็นมุมน่ารักๆของผู้คน ได้เห็นวิถีการใช้ชีวิตระหว่าง 2 ข้างทางที่เราเดินผ่าน คิวชูแห่งนี้เป็นเกาะที่สมบูรณ์แบบในด้านทรัพยากรธรรมชาติ อาหาร การคมนาคม ความงามของสถานที่ต่างๆ และคิวชูยังมีความอะเมซิ่งอีกมากมายให้ผู้คนได้มาสัมผัส ไปเที่ยวคิวชูกันนะ…