ปัจจุบันนี้มีวัฒนธรรมต่างๆจำนวนมากจากทั่วโลกกำลังเข้ามามีบทบาทเป็นอย่างมากในประเทศไทยของเรา จากหน่วยเล็กๆรวมตัวขึ้นเป็นสังคมขนาดใหญ่ ทางทีมงานอาเซียนบีทจึงขอนำเสนอบทความพิเศษที่มีเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับบุคคลทำงานหรือมีงานอดิเรกที่มีแรงบันดาลใจมาจากวัฒนธรรมของประเทศญี่ปุ่น เชิญรับชมกันได้เลยครับ

Alice x Alice มีสมาชิกอยู่ด้วยกัน 3 คน คือ คุณปู้เป้ คุณโมน่า และคุณวี่ เริ่มต้นจากการที่มีความคลั่งไคล้ในชุดเมด ตอนนั้นทำงานเป็นสไตลิสต์ให้กับนิตยาสารฉบับหนึ่งอยู่ แล้วมีโอกาสได้ไปสัมภาษณ์ร้านชื่อ “อะกิบะ” ซึ่งตั้งอยู่ในย่านสยามแสควร์ เลยได้พบกับเด็กผู้ชายคนหนึ่ง(คุณวี่) เห็นครั้งแรกแล้วรู้สึกหลงรักทันทีเพราะน้องเขาน่ารักมาก จึงไปตีสนิทกับเจ้าของร้านเพราะอยากจะจีบน้องคนนั้น คุยไปคุยมากับเจ้าของร้านก็มารู้เอาตอนสุดท้ายว่าน้องที่คุณปูเป้คิดมาตลอดว่าเป็นผู้ชาย สรุปว่าเป็นผู้หญิง ส่วนคุณโมน่าก็ได้รู้จักผ่านร้านอะกิบะเช่นเดียวกัน ตั้งแต่ตอนนั้นก็ได้เริ่มรู้จักกัน หลังจากที่ได้รู้จักกันแล้ว ก็เริ่มพบปะนัดแนะกันแถวสยามแสควร์กันบ่อยขึ้น คุยกันเกี่ยวกับคอนเซ็ปต์ไปเรื่อยๆไม่ได้เริ่มต้นอะไรจริงจัง แต่สิ่งแรกที่เริ่มทำคือสร้างเว็บไซต์ของร้านขึ้นมาก่อน

คุณปูเป้จบจากคณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ที่เลือกเข้าคณะนี้ไม่ได้มาจากความตั้งใจของตัวเองตั้งแต่แรกเริ่ม จริงๆแล้วเลือกตามผู้ชายที่แอบชอบอยู่ โดยการไปสอบเทียบตั้งแต่มัธยมศึกษาปีที่ 5 แล้วก็บังเอิญติดในปีนั้นเลย โดยส่วนตัวคุณปูเป้มีความชื่นชอบเกี่ยวกับศิลปะเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ตอนประมาณชั้นมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 3-4 เป็นคนชอบอ่านการ์ตูนญี่ปุ่น ก็เลยเริ่มต้นจากการวาดการ์ตูนเล่นๆจากหนังสือการ์ตูนนั้น นักเขียนที่ชื่นชอบคือคุณไอ ยาซาว่า(ผู้เขียนการ์ตูนนานะ) ได้อ่านการ์ตูนเรื่อง “กับดักรักข้างห้อง” แล้วชื่นชอบการแต่งตัวของตัวละครก็เลยแต่งตาม จนถูกคนข้างบ้านมองแปลกและหาว่าบ้าหรือเปล่า ด้วยความที่ในสมัยนั้นไม่มีอินเตอร์เน็ท เลยทำให้การเลียนแบบชุดของตัวละครจึงทำได้ค่อนข้างยาก ต่อมาก็เริ่มเรียนรู้จากแมกกาซีนที่ชื่นชอบและจากอินเตอร์เน็ท ซึ่งเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย

เริ่มต้นจากการทำชุดสไตล์โลลิต้าพังค์ ภายใต้ชื่อแบรนด์ “Bloody Bambi (บลัดดี้แบมบี้)” จัดแฟร์ชั่นโชว์ในงานของเจเอ็ดดูเคชั่น หลังจากนั้นก็หยุดกิจการไปพักหนึ่งเพื่อไปค้นหาสิ่งที่น่าสนใจในต่างประเทศ หลังจากกลับมาในปี 2006 ก็กลับมาสานต่อความฝันโดยใช้ชื่อร้านใหม่ว่า “Alice Alice’ (อะลิซ อะลิเซ่)” ที่ตั้งชื่อนี้เพราะต้องการให้มี 2 สไตล์แฝงอยู่ในชื่อร้าน คือ Sweet (แนวสดใส) กับ Dark (แนวโกธิค) แต่เนื่องจากคนไทยไม่ค่อยนิยมแต่งตัวแนวนี้กัน จึงเปลี่ยนแนวมาเป็นชุดคอสเพลย์ ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อร้านมาเป็น “Alice x Alice (อะลิซเอ็กซ์อะลิซ)” เนื่องจากเรียกง่ายกว่า

เป็นที่แน่นอนว่าเสื้อผ้าของทางร้านมีการดึงเอาสไตล์ของญี่ปุ่นมาโดยตรง เพราะการคอสเพลย์นั้นมีให้เห็นทั่วไปในประเทศญี่ปุ่น อาจถือได้ว่าเป็นกลุ่มวัฒนธรรมย่อยๆของประเทศญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้