มหานครกว้างใหญ่อย่างกรุงเทพฯมีคนญี่ปุ่นเดินทางเข้ามาอาศัยและทำงานอยู่มากมาย ซึ่งต่างก็มาจากภูมิภาคที่แตกต่างกันไปของแต่ละคน แต่บทความที่เราจะนำมาเสนอกันในครั้งนี้แน่นอนว่า จะต้องแฝงไปด้วยกลิ่นอายของดินแดนทางใต้อย่างเกาะคิวชู และนี่ก็เป็นบทความตอนที่สองที่เราจะนำท่านไปพบกับคนญี่ปุ่นที่มาจากจังหวัดโออิตะจังหวัดเพื่อนบ้านของจังหวัดฟุกุโอกะ ซึ่งใช้ชีวิตอยู่ในประเทศไทย ถ้าพร้อมแล้วไปพบกับเธอกันเลย...

คุณอาเบะ เคียวโกะ เติบโตที่จังหวัดโออิตะจังหวัดทางตอนใต้ของญี่ปุ่นใกล้ๆกับจังหวัดฟุกุโอกะ หลังจากที่จบการศึกษากราฟฟิคดีไซน์ จากโรงเรียนสอนแบบออกแบบในจังหวัดฟุกุโอกะ หลังจากที่จบการศึกษาจากโรงเรียนออกแบบในฟุกุโอกะคุณอาเบะ เคียวโกะได้เริ่มต้นจากการเป็นกราฟฟิค ดีไซเนอร์ในบริษัทออกแบบที่ฟุกุโอกะนั้นตอนนั้นงานที่รับผิดชอบคือออกแบบโฆษณาซะส่วนใหญ่ แต่พอเริ่มออกแบบไปเรื่อยก็เริ่มใช้รูปวาดที่เป็นผลงานของตัวเองมากขึ้นๆ เลยรู้สึกว่าชอบการวาดรูปมากกว่าการออกแบบจึงตัดสินใจเลือกเส้นทางการเป็นศิลปินนักวาดภาพตั้งแต่อายุ 22 ปี ก็เริ่มเส้นทางการเป็นศิลปินนักวาดภาพมืออาชีพอย่างเต็มตัว หลังจากนั้นได้พบรักกับสามีชาวไทยที่จังหวัดฟุกุโอกะและย้ายมาอยู่เมืองไทยตั้งแต่ปี 1995 หลังจากที่ย้ายมาอยู่ที่เมืองไทยก็มีผลงานมากมายที่คิดว่าเมื่อทุกคนเห็นต้องจำได้ ผลงานที่โดดเด่นหลังจากที่คุณอาเบะ เคียวโกะย้ายมาที่เมืองไทยเช่น โปสเตอร์ 120 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-ญี่ปุ่น เป็นต้น ซึ่งมีคาแรคเตอร์และลายเส้นที่มีเอกลักษณ์เฉพาะไม่ว่าจะเป็นการลงสีที่ดูสดใสและรอยยิ้มบนคาแรคเตอร์แต่ละตัวที่คุณอาเบะ เคียวโกะวาดได้ออกมาอย่างอ่อนโยน

ซึ่งส่วนตัวแล้วก่อนที่จะมาเจอกับสามีคนไทยนั้น คุณอาเบะ เคียวโกะก็ชื่นชอบเมืองไทยมาก ก่อนที่จะได้มาเที่ยวที่เมืองไทยนั้นช่วงชีวิตการทำงานในฐานะนักวาดภาพมืออาชีพในไปได้ดีมาก มีคนมาว่าจ้างให้วาดภาพมากมาย เรียกได้ว่าปั่นงานจนล้นมือ จนกระทั่งถึงช่วงเวลาหยุดพัก และคุณอาเบะ เคียวโกะก็เลือกที่จะมาพักที่เมืองไทย เธอเล่าว่า ไม่ว่าจะเป็นบรรยากาศแบบสบาย สบาย กลิ่นอายของวัฒนธรรม รวมถึงภาษาที่แตกต่างออกไปซึ่งแน่นอนว่าเธอก็ฟังไม่ออกเลย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรแต่เธอสัมผัสได้ถึงอะไรบ้างอย่างที่เป็นความรู้สึกว่าเธออยากมาใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองไทย สถานที่แรกที่สร้างความประทับใจให้กับเธอคือ อยุธยา และเธอก็แอบขอพรกับวัดที่อยุธยาด้วยว่า "ขอให้ได้มาอยู่อาศัยที่เมืองไทย" เริ่มจากความประทับใจในครั้งแรก และก็เป็นอีกหลายๆครั้งที่เธอได้กลับมาสัมผัสเมืองไทยและก็ประทับใจในทุกครั้ง ไม่ใช่ว่าเพราะมีเพื่อนอยู่เมืองไทย แต่เพราะความประทับใจเหมือนกับว่ามีอะไรซักอย่างเรียกให้เธอมาครั้งแล้วครั้งเล่า จนกระทั่งสิ่งที่คุณอาเบะ เคียวโกะ ขอพรไว้ก็เหมือนจะเห็นผล คุณอาเบะ เคียวโกะได้แอบกระซิบกับทางทีมงานด้วยว่ารู้สึกเหมือนกับเป็นบุพเพสันนิวาสเลยก็ว่าได้ เมื่อได้มาเจอกับสามีที่มาจากประเทศไทยที่จังหวัดฟุกุโอกะ

เมื่อมาอยู่เมืองไทยแล้วหลังจากแต่งงาน และมีลูก คุณอาเบะ เคียวโกะก็ยังไม่ละทิ้งความเป็นศิลปินที่มีอยู่ในตัว โดยคุณอาเบะ เคียวโกะนั้นได้สานต่อการเป็นศิลปินควบคู่ไปกับการเป็นอาจารย์สอนศิลปะให้กับเด็กและแม่บ้านชาวญี่ปุ่นที่อยากจะศึกษาเกี่ยวกับเรื่องศิลปะและใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ช่วงแรกๆที่ย้ายมาอยู่เมืองไทยนั้นคุณอาเบะ เคียวโกะเริ่มจากการสอนศิลปะก่อนให้กับเด็กวัยประถมและไปเด็กมัธยมซึ่งค่อยๆเพิ่มขึ้น นอกจากจะได้เป็นผู้ถ่ายทอดวัฒนธรรมทางศิลปะแล้วคุณอาเบะ เล่าให้ฟังว่ายังได้เพื่อนเด็กๆเพิ่มขึ้นมาอีกด้วย ซึ่งปัจจุบันนั้นเด็กนักเรียนที่สนใจมาเรียนศิลปะกับคุณอาเบะ เคียวโกะนั้นมีมากกว่า100คน โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นเด็กไทยลูกครึ่งญี่ปุ่นและคนญี่ปุ่น ซึ่งลูกศิษย์ของคุณอาเบะ เคียวโกะนั้นแต่ละคนก็ไม่ธรรมดาเลย โดยเฉพาะผลงานของเด็กนักเรียนในระดับมัธยมนั้นได้เข้าประกวดและยังชนะเลิศได้รางวัลกลับมาเยอะแยะเลยทีเดียว จึงทำให้ห้องเรียนของคุณครูเคียวโกะนั้นเรียกได้ว่าจัดแน่นจริงๆตั้งแต่วันพุธ-วันเสาร์โดยเฉลี่ยแล้วประมาณ 60 คน (รวมเด็ก,แม่บ้าน และคนชรา) ซึ่งได้รับความนิยมกันต่อเนื่องถึงกับบอกกันปากต่อปากเลยทีเดียว นอกจากห้องสอนศิลปะแล้วในบ้านของคุณอาเบะ เคียวโกะเองนั้นยังสร้างสตูดิโอส่วนตัวเพื่อผลิตผลงานศิลปะไว้ในพื้นที่เดียวกันอีกด้วย นอกจากจะทำหน้าที่เป็นคุณครูแล้ว เธอยังเดินทางไปสร้างงานศิลปะทั้งในประเทศไทยและญี่ปุ่นซึ่งคุณอาเบะ เคียวโกะได้กล่าวกับทางทีมงานว่าอยากจะเป็นตัวกลางเชื่อมต่อระหว่างไทย-ญี่ปุ่นเหมือนกับใช้งานศิลปะเป็นสื่อกลางสะพานข้ามทางวัฒนธรรมระหว่างไทยกับญี่ปุ่นอีกด้วย